วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

朋友... (Li Yifeng x Ma Tianyu)



朋友...(Péngyǒu)

(Li Yifeng x Ma Tianyu)







ก๊อกๆๆ..

“อ้าว เสี่ยวฝาน มาหาซื่อเหรอจ๊ะ” แม่บ้านที่เปิดประตูเอ่ยทักทาย

“ใช่ฮะ ว่าจะมาชวนซื่อไปเที่ยวที่ตลาด”

“เข้ามาก่อนสิ ซื่ออยู่ในห้องจ๊ะ”เสี่ยวฝานก้าวข้ามประตู ก่อนจะวิ่งไปตามทาง เขารู้จักบ้านหลังนี้ดีเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง นั้นเพราะเสี่ยวฝานมักมาเที่ยวเล่นที่บ้านของ   อินกงซื่อตั้งแต่จำความได้



“ซื่ออออออ ซื่อจ๋าาาา” เสี่ยวฝานผลักประตูเข้ามาแล้ววิ่งไปกอดเจ้าของห้องแบบเต็มรัก

“อ๊ะ! เสี่ยวฝาน กอดเบาๆก็ได้ ตัวข้าช้ำหมดแล้ว” อินกงซื่อเอ็ดเพื่อน ก่อนตีแขนเพื่อนไปเบาๆหนึ่งที

“ก็ข้าคิดถึงซื่อนี่หน่า ฟอดดด” เสี่ยวฝานยังกอดเพื่อนตัวน้อยไว้ พอพูดจบก็หอมแก้ม กลมๆนั้นอีกฟอดใหญ่

“เจ้านี่นะ ทำไมชอบกอดชอบหอมข้าจัง” ซื่อพูดพลางส่ายศีรษะเบาๆ

“ก็ซื่อตัวหอม ตัวนุ่ม ข้าชอบ คิคิ” พูดพลางใช้ศีรษะถูไถไปบนไหล่เล็กนั้น

“อือออ วันนี้เราไปเที่ยวในตลาดด้วยกันนะ ข้าได้ยินว่าจะมีคณะละครจากต่างเมืองมาแสดงด้วยล่ะ”

“ได้สิ งั้นข้าไปบอกท่านพ่อก่อนนะ”

“ได้ๆ ไปกันเลยยยย” เสี่ยวฝานลุกขึ้นก่อนจะจับมือเพื่อนเดินออกจากห้องไปยังห้องโถงของบ้าน



          “โอ๊ะ! ขออภัย ข้าไม่ทราบว่าท่านพ่อมีแขก” อินกงซื่อเดินเข้ามายังห้องโถงก็พบท่านเจ้าบ้าน พร้อมกับแขกอีกสองท่านนั่งคุยกันอยู่

“ไม่เป็นไรๆ เออนี่..ซื่อมาหาพ่อสิลูก” อินกงซื่อรับคำก่อนเดินไปยืนข้างๆท่านพ่อ

“นี่อินกงซื่อ ลูกชายของข้าเอง .. ส่วนนี่ ลุงหลิวกับลูกชาย หลินเกิงซิน”

“สวัสดีขอรับ” อินกงซื่อโค้งคำนับเป็นการทักทาย

“อืมม ไม่เจอกันตั้งนาน โตเป็นหนุ่มแล้วหรือนี่” ลุงหลิวเอ่ยทักทายเล็กน้อย

“แล้วเจ้ามาหาพ่อมีอะไรรึ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชาย

“อ่า เสี่ยวฝานชวนข้าไปเที่ยวดูการแสดงละครในตลาดน่ะขอรับ”

“อืมมม งั้นดีเลย พาเกอเขาไปด้วยสิ เพิ่งเคยมาเมืองนี้จะได้ไปเปิดหูเปิดตา ดีไหมเกิงซิน” พูดกับลูกชายก่อนจะหันไปเอ่ยถามความคิดเห็นจากผู้มาเยือน

“น่าสนใจดีนะขอรับ เกอไปด้วยได้หรือไม่” เกิงซินหันมองไปยังอินกงซื่อจนอีกคนได้แต่หลบสายตาแล้วตอบกลับไปเบาๆ “ได้ขอรับ”



          “เอออ..นี่เกิงซินเกอ แล้วนี่ก็เสี่ยวฝานเพื่อนของข้า” อินกงซื่อเป็นฝ่ายแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน

“แล้วพาพี่ชายเขามาด้วยทำไมละซื่อ” เสี่ยวฝานที่เห็นว่าซื่อพาคนแปลกหน้ามาด้วยถามขึ้น

“พอดีว่าเกิงซินเกอเพิ่งมาจากต่างเมือง เราขอพาเกอเขาไปด้วยกันนะ” ซื่อพูดพลางจับมือเพื่อนเขย่าอย่างอ้อนๆ

“ข้า.....ก็ได้” ใจจริงเสี่ยวฝานอยากปฏิเสธออกไป เพราะอยากจะไปเที่ยวกับซื่อแค่สองคน แต่เห็นสายตาเพื่อนตัวน้อยแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง



          ระหว่างทางเที่ยวชมตลาดหลินเกิงซินก็คอยชักชวนอินกงซื่อถามถึงสิ่งของต่างๆภายในตลาดอย่างสนอกสนใจ เพราะสินค้าบางอย่างภายในตลาดแห่งนี้ที่บ้านเกิดของเค้าก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จนทำให้เสี่ยวฝานอดที่จะน้อยใจไม่ได้ เพราะซื่อให้ความสนใจพี่ชายต่างเมืองมากกว่าตัวเองที่เป็นคนชวนมา




          หลังจากวันที่เที่ยวชมตลาด เสี่ยวฝานก็ยังแวะเวียนมาหาซื่อที่บ้านเฉกเช่นทุกวัน แต่อินกงซื่อก็มักออกไปข้างนอกกับพี่ชายต่างเมืองตลอด ทำให้เสี่ยวฝานโมโหพี่ชายต่างเมืองที่มาแย่งความสนใจจากเพื่อนสนิทของตนเอง


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เสี่ยวฝานมาหาอินกงซื่อที่บ้าน และเป็นโชคดีที่วันนี้อินกงซื่อไม่ได้ออกไปข้างนอกเสียก่อน

          “อ้าว เสี่ยวฝาน...เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ซื่อที่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย

“ก็เจ้านั้นแหละ ทำไมไปไหนถึงไม่บอกข้า หรือว่าข้าไม่สำคัญกับเจ้าแล้ว” เสี่ยวฝานนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆแต่หันหลังให้

“ไม่ใช่นะ ทำไมเจ้าคิดแบบนั้นล่ะ เสี่ยวฝานยังเป็นคนสำคัญสำหรับข้าอยู่นะ” ซื่อว่าพลางกอดแขนเพื่อนไว้แน่น

“แล้วทำไมหมู่นี้เจ้าไปไหนมาไหนแต่กับเกิงซินเกอ คงไม่ใช่ว่า...เจ้าชอบเค้าหรอกนะ” พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ก่อนท้ายประโยคจะถามออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา

“เอ๋...เจ้าไปเอาความคิดนี้มาจากไหนกัน”

“ก็ช่วงนี้อะไรเจ้าก็เกิงซินเกอๆๆๆตลออดเลยนี่!!” เสี่ยวฝานหันมาประจันหน้ากับเพื่อนก่อนจะโพ้งออกมา

“ละ..แล้วทำไมเจ้า เจ้าต้องตะคอกข้าด้วยละ...อึก” ซื่อที่ไม่เคยถูกเพื่อนพูดะคอกแบบนี้มาก่อน ผงะออกไป ก่อนจะสะอื้นเบาๆด้วยความตกใจ


เสี่ยวฝานที่โมโหเมื่อครู่ เห็นเพื่อนตัวน้อยตกใจจนร้องไห้ถึงเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำตา จึงรีบเข้าไปกอดปลอบ

“ซื่ออออ ข้าขอโทษๆๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเลยนะ เจ้าอย่าร้องไห้สิ” อินกงซื่อได้แต่เพียงก้มหน้าร้องไห้สะอื้นอยู่บนไหล่ ให้อีกฝ่ายได้แต่กระชับกอดลูบหัวปลอบกันอยู่พักใหญ่

“ซื่ออย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ตะคอกเจ้าอีกแล้ว หยุดร้องไห้เถอะนะ” เสี่ยวฝานค่อยๆดันตัวอินกงซื่อออกมาเผชิญหน้ากัน อินกงซื่อที่บัดนี้หน้าตาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ดวงตาบวมแดงไปหมด เสี่ยวฝานค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยไล้แก้มขาวเบาๆเพื่อเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบที่หางตาอีกฝ่ายเบาๆ

“อ๊ะ! สะ เสี่ยวฝาน ทะ ทำ ทำไม...” อินกงซื่อต้องตกใจอีกรอบเพราะคนตรงหน้า

“จริงๆแล้วข้าน่ะ ชอบ...ไม่สิ ข้ารักซื่อ รักมาตั้งนานแล้วล่ะ” เสี่ยวฝานสารภาพออกมาก่อนจะพูดต่อ “ข้ากลัวว่า ถ้าบอกเจ้าแล้วเจ้าจะเกลียดข้า แต่ตอนนี้..ถ้าข้าไม่บอก ข้าก็กลัวว่าจะเสียเจ้าไป”

“เสี่ยวฝาน...เจ้า” อินกงซื่ออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ถึงตอนนี้เจ้ารู้ความจริงแล้ว เจ้าจะเกลียดข้าหรือเปล่า” เสี่ยวฝานจ้องมองเข้าไปในดวงตาอินกงซื่อเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายเห็นถึงความจริงจังในสิ่งที่พูด

“ละ แล้วทำไมเจ้าไม่บอกกับข้าดีๆละ ข้าไม่ชอบเลยที่เจ้าตะคอก อย่าทำอีกนะ” เสี่ยวฝานรีบพยักหน้ารัวๆทันที “ข้าน่ะ ข้าาา ไม่ได้เกลียดเสี่ยวฝานหรอกนะ เพราะข้าก็...รักเจ้าเหมือนกัน” อินกงซื่อพูดเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย ตอนนี้นอกจากตาที่แดงแล้วก็ยังมีแก้มที่เปลี่ยนจากสีขาวกลายสีแดงจนน่าหอมให้ช้ำ

“โอ๊ยยยย ซื่ออออ ข้าดีใจที่สุดเลยยยย...จุ๊บๆๆๆๆ” เสี่ยวฝานดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่รีบพุ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้า แล้วจุ๊บเข้าที่ปากเล็กๆนั้นรัวจนคนโดนจูบต้องรีบเอ่ยห้ามก่อนที่ปากจะช้ำไปเสียก่อน

“อืออออ เสี่ยวฝานปล่อยข้าก่อน อืออออ พะ พอแล้ว ปากข้าช้ำหมดแล้ว”

“ก็ข้าดีใจนี้หน่า ต่อไปนี้เจ้าน่ะ เป็นคนรักของข้าแล้วนะ ห้ามเจ้าออกไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นอีกเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำโทษเจ้า” เสี่ยวฝานพูดบอกพลางจิ้มไปที่จมูกเล็กๆ

“งื้ออออ ทำโทษอะไรกัน เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น อย่ามาโทษข้านะ”

“ก็เจ้านั้นแหละทำให้ข้าคิดมาก มาให้ข้าลงโทษซะดีๆ” เสี่ยวฝานพยายามโน้มหน้าลงไปจูบอินกงซื่ออีก แต่อินกงซื่อขืนตัวออกจาอ้อมกอดก่อนจะวิ่งหนีอีกฝ่าย

“แน่จริงก็จับข้าให้ได้ก่อนสิ เจ้าคนคิดมาก แบร่~

“หึ..ให้ข้าจับเจ้าให้ได้ก่อนเหอะซื่อ ข้าจะจูบให้ปากเจ้าช้ำเลยคอยดูสิ”


------------------------------------------------END-------------------------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น