วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

Bride

          

Bride

(YangYang x Li Yifeng)










“อี้เฟิง วันนี้พวกเราจะไปร้านเค้กหน้ามหาลัย ไปด้วยกันไหม?”

เสียงเพื่อนร่วมเซ็คเดินมาถาม “อี้เฟิง” ชายหนุ่มร่างโปร่งใส่แว่นหนาเตอะกำลังเก็บของลงกระเป๋าของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน

“มะ...ไม่ละ พวกเธอไปกันเหอะ เรามีธุระน่ะ” อี้เฟิงตอบ เพราะโดยปกติเค้าเป็นพวกเด็กหน้าห้อง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ในแต่ละวันของอี้เฟิงก็วุ่นอยู่แค่กับการอ่านหนังสือเท่านั้น


          ออกจากห้องอี้เฟิงเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เส้นทางที่เค้าเดินไปเป็นประจำ เดินลัดเลาะไปตามตึกได้สักพักอี้เฟิงก็มาหยุดอยู่ข้างสนามบาส วันนี้ผู้คนดูจะแน่นขนัด “สงสัยวันนี้มีแข่งบาสอีกแล้วละ” อี้เฟิงคิดในใจ

“หยางหยาง นู้นๆ น้องแว่นเอ็งมาละ” เพื่อนร่วมทีมเดินมาสะกิดหยางหยาง ผู้เป็นกัปตันทีมบาสของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ “น้องแว่น” ที่เพื่อนพูดถึงจริงๆแล้วเป็นใคร คณะอะไร อยู่ปีไหน หยางหยางเองก็ไม่รู้หรอก แค่ช่วงหลังมานี้เค้ามักเห็นคนคนนี้ มานั่งอยู่ข้างสนามบาสในทุกๆเย็น จนวันที่น้องแว่นไม่มาหยางหยางได้แต่ชะเง้อคอยมองหาจนโดนๆเพื่อนๆแซวกันไปตามระเบียบ

“พูดไป เค้าเป็นรุ่นน้องหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” พูดกับเพื่อนแต่สายตาหยางหยางยังคงไม่ละจากใบหน้าที่ถูกสวมทับด้วยแว่นตานั้น

          อี้เฟิงพยายามมองหาที่นั่งว่างๆแต่ดูเหมือนวันนี้เค้าจะมาช้าเกินไป เพราะที่นั่งส่วนมากถูกจับจองหมดแล้ว อี้เฟิงถอนหายใจ ก่อนจะกลับหลังหันออกไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ติดกับสนามบาสทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ จากมุมนี้เค้าสามารถมองดูการแข่งขันในสนามได้ถึงจะไม่ได้เห็นใกล้ๆเหมือนทุกวันก็เถอะ นั่งมองนักกีฬาวอร์มร่างกายสักพักใหญ่ อี้เฟิงก็หยิบสมุดจดที่พกติดตัวเป็นประจำขึ้นมาและเริ่มขีดเขียน

“วันที่ XX/XX/XX
เค้าใส่เสื้อกล้ามสีส้ม กางเกงสีดำ ดูท่าทางวันนี้คงมีแข่งบาสแมตต์ใหญ่น่าดูเลยละ คนเต็มสนามบาสเลยทีเดียว แต่เสียดายจังที่ไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ ... ป.ล.วันนี้น้องเค้าหล่อมากเลยละ :)

ก่อนจะหยิบกล้องโพลาลอยด์ออกมาจากกระเป๋า หามุมดีๆก่อนกดชัตเตอร์ แม้รูปจะมองไม่เห็นคนคนนั้นก็ตาม อี้เฟิงค่อยๆบรรจงติดมันลงไปบนหน้าสมุดบันทึกของวันนี้
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของอี้เฟิงนอกจากการเรียนและอ่านหนังสือ

          บรรยากาศในสนามบาสจบลงด้วยเสียงโห่ร้องให้กับชัยชนะของทีมบาสมหาลัย ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน อี้เฟิงที่เก็บของเสร็จค่อยๆลุกขึ้นเพื่อเดินทางกลับบ้านเช่นกัน

          “นี่! หยางหยาง น้องแว่นของเอ็งเดินมาทางนี้ว่ะ” นักกีฬาทุกคนกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ที่อ่างล้างมือข้างสนามบาส เพื่อนคนเดิมของหยางหยางก็ทักขึ้น

“ฟังมึงพูดเข้า น้องเค้ามาเป็นของกูตอนไหนว่ะ” หยางหยางที่โดนแซวแกล้งโมโหกลบเกลื่อน

“ตอนไหน...ก็ตอนนี้แหละ”

“เห้ย!!” หยางหยางถึงขั้นร้องเสียงหลงเมื่อถูกเพื่อนผลักอย่างแรง ก่อนหันไปปะทกับคนที่เดินผ่านเข้าอย่างจัง

“อ๊ะ! ...” ฝ่ายถูกชนโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอาหนังสือที่อยู่ในอ้อมแขนร่วงลงกับพื้นพร้อมๆกับแว่นตาที่กระเด็นออกจากใบหน้า ส่วนตัวคนถือเองท่าทางกำลังจะร่วงลงกับพื้นเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความปราดเปรียวของนักกีฬาแล้วนั้น หยางหยางคว้าหมับเข้าแขนซ้าย ก่อนมือที่ว่างอีกข้างจะสอดเข้ากับเอวสอบนั้นแล้วกระชับไว้แน่น

อี้เฟิงที่หลับตาเตียมรับแรงกระแทกได้แต่นึกเอ๊ะใจ ตัวเองที่น่าจะถึงพื้นแล้วทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บ ทำไมให้อี้เฟิงค่อยๆลืมตา แต่ทันทีที่ลืมตาสิ่งที่เห็นตรงหน้าไม่ใช่ท้องฟ้า แต่กลับเป็นคน คนที่อี้เฟิงไม่คิดว่าจะได้เห็นในระยะใกล้กันขนาดนี้ ใกล้จนขนาดที่ว่าถึงไม่ได้ใส่แว่นเค้าก็ยังมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดเจน

“เอ่ออ...ขอโทษนะครับ พอดี เพื่อนผมมันแกล้งน่ะ” หยางหยางที่เห็นอีกฝ่ายลืมตาขึ้นก็รีบกล่าวขอโทษทันที 

“มะ..ไม่ ไม่เป็นไร เอ่อออ ชะ..ช่วยปล่อยเรา..” อี้เฟิงเกิดอาการประหม่าคล้ายจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“โอ๊ะ ขอโทษครับๆ” หยางหยางที่ถูกทักรีบปล่อยมือจาก แล้วขอโทษขอโพ้ยอีกฝ่าย
ต่างคนต่างยืนนิ่งอยู่พักใหญ่หยางหยางได้สติก่อนก้มลงหยิบหนังสือคืนให้

“นี่ครับหนังสือ ขอโทษจริงๆนะครับที่ทำหนังสือเปื้อนหมดเลย”

“มะ..ไม่เป็นไรๆ” อี้เฟิงยื่นมือที่สั่นน้อยๆไปรับหนังสือคืนมา

“แต่ว่าแว่นตา.....” หยางหยางหยิบแว่นขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะพบว่าเสนส์แว่นแตกละเอียดจนหลุดร่วงออกจากกรอบไปแล้วบางส่วน

“ไม่ ไม่เป็นไร เดี๋ยว เดี๋ยวเราเอาไปซ่อมเอง” อี้เฟิงพยายามคว้าแว่นตาจากมือคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่ได้มองผ่านเลนส์แว่น ทำให้หยางหยางได้แต่อมยิ้มกับกริยาคนตรงหน้า

“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ” พูดจบมือนึงก็คว้าหนังสืออีกมือก็คว้าแขนของอี้เฟิงไว้ “เรื่องแว่นเดี๋ยวผมชดใช้ให้เอง ตอนนี้ให้ผมไปส่งที่บ้านดีกว่านะครับ” อี้เฟิงที่สายตาตอนนี้แค่จะเดินออกจากไปถึงหน้ามหาลัยยังเป็นเรื่องยาก ได้แต่เดินตามอีกฝ่ายไป

หยางหยางเปิดประตูก่อนจะดันตัวอี้เฟิงเข้าไปในรถ ส่วนตัวเองก็ขึ้นรถแล้วขับออกจากมหาลัย หลังจากถามที่อยู่เรียบเสร็จสรพพแล้ว หยางหยางจึงชวนอีกฝ่ายคุยเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบสนิทบนรถ

“ผมชื่อหยางหยาง อยู่ปี2 แล้ว....”

“เรา..ชื่ออี้เฟิงอยู่...ปี3”

“งั้นผมก็ต้องเรียกว่า อี้เฟิงเกอสินะครับ” อี้เฟิงไม่ได้ตอบอะไรอีกจนเมื่อ รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สองชั้นสีขาวสะอาดตา หยางหยางเดินไปกดกริ่ง ก่อนจะกลับมาเปิดประตูให้อี้เฟิง

“อ้าว .. อี้เฟิง แว่นไปไหนละลูก” หญิงสาวที่น่าจะเป็นคุณแม่ของอี้เฟิงทักขึ้นเมื่อเห็นลูกชาย

“พอดีผมทำแว่นอี้เฟิงเกอเค้าแตกน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” หยางหยางที่เพิ่งทราบชื่ออีกฝ่าย กล่าวขอโทษพลางก้มหัวให้ผู้อาวถโสกว่า

“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เอ๋...ว่าแต่นี่หยางหยางใช่ไหมลูก” มารดาของอี้เฟิงเอ่ยถามหลังจากพิจรณาบุคคลที่ขับรถมาส่งลูกชาย

“อ่า ใช่ครับ” หยางหยางเกิดอาการงุนงงเล็กน้อย

“น้าเป็นเพื่อนกับแม่เราเองแหละจ๊ะ ตอนนั้นเรายังเด็กแล้วก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเราคงจำน้าไม่ได้”

“อ่าาา ครับ” หยางหยางตอบรับ

“เข้ามาในบ้านก่อนสิ อยู่ทานข้าวเย็นกับน้ากับอี้เฟิงเค้าด้วย ...มาๆๆๆ” ไม่รอคำตอบผู้เป็นมารดาของอี้เฟิงก็เดินนำเข้าไปในบ้านเสียแล้ว ปล่อยให้ลูกชายกับแขกผู้มาเยือนได้แต่ยืมมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ก่อนหยางหยางจะพาอี้เฟิงเข้าไปในตัวบ้าน

หยางหยางนั่งรอที่โซฟารับแขกในระหว่างที่อี้เฟิงขอตัวขึ้นไปบนห้องเพื่อหยิบแว่นอันใหม่ ส่วนผู้เป็นแม่ง่วนอยู่กับการตั้งโต๊ะอาหาร

บรรยากาศพูดคุยบนโต๊ะอากาศวันนี้ดูมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมีแขกมาเยือน

“อ้าว นี่หยางหยางเรียนที่เดียวกับอี้เฟิงหรอกเหรอ อี้เฟิงไม่เห็นเล่าให้ม้าฟังเลย”

“ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องเล่าสักหน่อย” อี้เฟิงได้แต่ก้มหน้าก้มตาตักอาหารใส่ปากเพราะไม่กล้าเงยหน้า กลัวที่จะต้องสบตากับคนฝั่งตรงข้าม

“เรานี่นะ ได้เจอนน้องไม่ดีใจหรอกเหรอ เห็นมองรูปน้องในกรอบบนหัวเตียงเช้าเย็น”
“ม้า!! แค่กๆๆ” อี้เฟิงถึงกับสำลักเมื่อมารดาพูดขึ้นเพราะอี้เฟิงไม่คิดว่าผม่จะรู้เรื่องนี้

หยางหยางมองหน้าคนที่สำลักจนหน้าดำหน้าแดงก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆแล้วได้แต่ยืนแก้วน้ำส่งให้

“แถมตอนน้องยังเด็กๆ เรายังสัญญากับน้องเลยว่าเราน่ะจะเป็นเจ้าสาวของน้อง”

“ม้า!!!!” อี้เฟิงแว๊ดขึ้นมาอีกรอบหลังจากสำลักอยู่นาน

“หรือว่า..แหวนวงนี้” หยางหยางหยิบแหวนที่ห้อยติดกับสร้อยคอออกมาดู

“ใช่แล้วจ๊ะ นั่นนะของหมั้นอี้เฟิงเค้าละ ตอนเด็กๆเราน่ารักจะตาย เหมือนลูกแกะตัวน้อยๆเลย อี้เฟิงงี้ติดเราแจ จนมาบอกกับม้าว่ายังไงก็จะเป็นเจ้าสาวของเราให้ได้เลย” ตอนนี้อี้เฟิงทำได้แค่นั่งก้มหน้าซ่อนความเขินอายเอาไว้

          จริงๆแล้วอี้เฟิงจำหยางหยางได้ตั้งแต่วันแรกที่หยางหยางเข้ามายังรั้วมหาลัย หลังจากวันนั้นอี้เฟิงก็ได้แต่คอยตามดูน้องอยู่ห่างๆ ครั้นจะเดินเข้าไปทักก็คงจะดูแปลกเกินไป
อี้เฟิงยังจำคำพูดตัวเองตอนเด็กได้ดี ว่าโตขึ้นเค้าจะเป็นเจ้าสาวของหยางหยาง แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงจำเรื่องของเค้าไม่ได้แล้ว จนวันที่ได้เจอหยางหยางอีกครั้งเหมือนความทรงจำเก่าๆหวนคืนกลับมา อี้เฟิงที่เกือบลืมไปแล้วเช่นกันว่าเคยรู้สึกกับคนคนนี้ 

          หลังจากพูดคุยรำลึกความหลังอยู่นาน หยางหยางก็เอ่ยขอตัวลาเพื่อกลับบ้าน มารดาของอี้เฟิงรบเร้าให้อี้เฟิงออกไปส่งแขกที่หน้าบ้าน

“เดี๋ยวสิครับ” หลังจากเปิดประตูบ้านให้อีกฝ่ายอี้เฟิงก็แทบจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเสียให้ได้ แต่ก็ถูกหยางหยางรั้งตัวไว้เสียก่อน

“อี้เฟิงเกอ...ยังอยากจะเป็นเจ้าสาวของผมไหมครับ” อี้เฟิงที่กำลังพยายามดึงแขนออกเมื่อถูกหยางหยางถาม ถึงกับหยุดนิ่ง ถลึงตามองคนตรงหน้า

          ตอนเด็กๆเวลามองแหวนวงนี้หยางหยางนึกคลับคลายคลับคลาว่าตอนเด็กๆได้เจอกับพี่ชายหน้าตาน่ารักคล้ายลูกแมว หยางหยางจึงถามมารดาถึงที่มาของแหวน จนเมื่อมารดานำอัลบั้มรูปเก่าๆมาให้ดู ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกเกิดขึ้นในใจหยางหยางเมื่อได้เห็นรูปภาพของอี้เฟิงอีกครั้ง หยางหยางแอบคิดอยู่ในใจว่าโตมาพี่ชายคนนี้จะยังน่ารักเหมือนลูกแมวอยู่ไหม แล้วอยากจะเป็นเจ้าสาวของเค้าจริงๆหรือเปล่า?

“แต่ถึงคำตอบพี่จะเป็นแบบไหน..” หยางหยางค่อยๆขยับใบหน้าเข้าใกล้จนเกือบชิดปลายจมูกอี้เฟิง “ผมก็จะทำให้พี่เป็นเจ้าสาวของผมให้ได้.../จุ๊บ” ไม่รอให้อี้เฟิงได้มีโอกาศพูดหยางหยางฉวยโอกาศจูบลงไปบนริมฝีปากแดงสีกุหลาบนั้น “มัดจำไว้ก่อนนะครับ เจ้าสาวของผม” .....



          -------------------------------จอ บอ จบ----------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น