วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

CAT CAFÉ THE SERIES (หลินหรัน part) ตอนที่2







CAT CAFÉ THE SERIES

(Chen Bolin x Jing Boran)



ตอนที่ 2



          ป้ายหน้าร้านถูกเปลี่ยนจากคำว่า “CLOSED” เป็น “OPEN” คนเปลี่ยนป้ายเดินออกมาสำรวจความเรียบร้อยที่หน้าร้าน ก่อนจะพบกับลูกค้ารายแรกของวัน

คุณลูกค้า หวังหยวนยิ้มกว้างต้อนรับ มาหาจิงเป่าเกอเหรอครับ?

คุณลูกค้าเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนนะตอบ อือ..เปล่าหรอก ก็..ไม่เชิงนะ

งั้นเชิญข้างในร้านก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวผมชงกาแฟให้ หวังหยวนเดินนำคนตัวโตเข้าไปในร้าน

พอดีวันนี้เป็นวันเสาร์ เกออาจจะเข้าร้านสายหน่อย หรือถ้าคุณรีบผมไปตามให้ก่อนได้นะครับ แต่ก่อนจะได้เดินออกไปหวังหยวนก็ถูกมือใหญ่ปรามไว้ก่อน

ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้รีบอะไร คนพูดส่งยิ้มให้ทั้งยังกุมมือน้อยนั้นไว้ ทำเอาคนโดนกุมมือหน้าขึ้นสีเล็กน้อย





หวังหยวน!” มีเสียงดังเล็กน้อยจากทางเค้าท์เตอร์ ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบสะบัดมือออกเบาๆ

คุณลูกค้ามาแต่เช้าเลยนะครับ คนที่เดินออกมาจากเค้าท์เตอร์พลางจ้องลูกค้าด้วยท่าทางเอาเรื่องพอสมควร

อ้อออ เห็นคุณเค้าบอกว่าแวะมาหาเกอหน่ะ ว่าจบก็รีบปลีกตัวออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัด เดี๋ยววว ผมไปชงกาแฟให้ก่อนดีกว่านะครับ





มาหาผม? จิงเป่าหันกลับมาหาคุณลูกค้าที่นั่งอยู่

อ่า..นั้นสิ คือพอดีผมคิดว่าอยากจะเลี้ยงแมวหน่ะครับ เลยอยากลองมาปรึกษา ป๋อหลินยังคงยิ้มกว้างไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นกับสายตาแข็งๆที่จ้องอยู่

เหอะ อยากเลี้ยงแมวหรือเลี้ยงเด็กกันแน่ คนสวย (ในสายตาคุณลูกค้า) แอบบ่นเบาๆ

อะไรนะครับ? เพราะตอนนี้ยังเช้ามากจึงไม่มีลูกค้า ทั้งในร้านยังไม่ได้เปิดเพลง ป๋อหลินจึงได้ยินเสียงบ่นนั้นได้ไม่ยาก แต่ก็แสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน

คิดยังไงถึงจะเลี้ยงแมวล่ะ ป๋อหรันทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม ก่อนอื่นคุณต้องมีเวลาให้พวกมัน สัตว์เลี้ยงเมื่อคุณเลี้ยงเค้าก็ต้องหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่... คุณเจ้าของร้ายยังร่ายยาวถึงเรื่องการเลี้ยงแมว ส่วนคนฟังก็ได้แต่มองริมฝีปากเล็กๆนั้นเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ





คุณเข้าใจมั้ย คุณ...คุณ!” ไม่รู้ว่าเพราะคนพูด พูดได้น่าฟัง หรือเป็นเพราะตัวคนพูดที่ดึงเอาความสนใจทั้งหมดไป ป๋อหลินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

อืม ผมเข้าใจแล้วหล่ะ ขอบคุณคุณมาก ถ้ายังไง ผมขอมาปรึกษาคุณอีกได้มั้ยครับ?

ก็ได้อยู่หรอก ถ้าเป็นเรื่องที่ผมรู้อ่ะนะ ป๋อหรันลุกขึ้นคุณลูกค้าจึงรีบลุกตาม

ผมขอเบอร์คุณไว้ได้มั้ยครับ?” คนถูกถามหันมาเลิกคิ้วใส่ เผื่อผมจะได้ปรึกษาเรื่องแมว

คุณส่งข้อความมาทางแชทของร้านก็ได้นะ ป๋อหรันออกตัวไว้ก่อน

ผมไม่ถนัดพวกแชทเท่าไหร่ ชอบโทรคุยซะมากกว่า คนพูด พูดด้วยท่าทางสบายๆสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงส่งยิ้มหวานเผื่อไปถึงคนตรงหน้า




ป๋อหรันลอบถอนหายใจเบาๆก่อนเดินไปที่เค้าท์เตอร์ หยิบกระดาษกับปากกามาจดยุกยิกอยู่สองสามทีแล้วส่งให้คนที่รอยู่

ขอบคุณมากครับ ผมอาจจะต้องโทรมาปรึกษาคุณบ่อยหน่อยนะครับ

ป๋อหรันพยักหน้ารับสองสามที ก่อนคุณลูกค้าจะขอตัวลากลับออกไป

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


รู้ว่าจะโทรมาบ่อย! แต่นี่มันบ่อยเกินไปแล้วโว้ยยยยยยยย

อะไรกันฮะจิงเป่าเกอ เสียงดังไปถึงข้างในบ้านเลย หวังหยวนที่เดินเอาของมาเตินในร้านถามขึ้น

ไม่มีอะไรหรอก พวกโรคจิตโทรมาหน่ะว่าจบก็เดินกลับไปทางตัวบ้านแล้วเข้าห้องตัวเองไม่สงบสติ


ไอ้บ้า! เล่นโทรมาเช้า กลางวัน เย็น สามเวลาหลังอาหารขนาดนี้ ว่างมากนักหรือไง แถมก่อนนอนก็ยังโทรอีก จะบ้าตาย!” ถึงปากจะบ่นแต่ทุกครั้งที่ชื่อนี้โทรเข้ามาก็ยังคงคอยรับทุกสายไม่เคยขาด






------------------------------TBC------------------------------





วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

CAT CAFÉ THE SERIES (หลินหรัน part) ตอนที่1








CAT CAFÉ THE SERIES


(Chen Bolin x Jing Boran)



ตอนที่ 1




          ก๊อกๆๆ


“ขออนุญาตค่ะบอส มีเอกสารด่วนให้เซ็นค่ะ” เลขาเดินเข้ามาวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะก่อนจะเหลือบเห็นถุงอาหารสำหรับแมวที่โต๊ะข้างๆ

“เอ๊ะ...นี่บอสเลี้ยงแมวด้วยเหรอคะ” เลาขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ก็แน่ละ ใครจะคิดว่าหน้าตาเข้มๆไว้หนวดแบบบอสของเธอจะนิยมสัตว์หน้าขนน่ารักขี้อ้อนแบบนั้น

“อ่อ..เปล่าครับ พอดีรปภ.ที่หน้าคอนโดผมเค้าเจอแมวบาดเจ็บเลยเก็บมาเลี้ยงหน่ะ ผมเลยว่าจะซื้อไปฝาก” ป๋อหลินตอบคำถามพลางเซ็นเอกสารไปด้วย

“อ๊า~ ก็คิดว่าบอสชอบแมวซะอีกค่ะ” เจ้านายเงยหน้ามองเลขาสาวพลางยกคิ้วสงสัย
“ก็พอดีได้ยินสาวๆประชาสัมพันธ์เค้าคุยกัน ว่ามีคาเฟ่แมวมาเปิดใหม่ใกล้ๆ เผื่อว่าบอสจะสนใจ” เลขาเดินไปหยิบแฟ้มที่บอสส่งคืนให้

“อืมมม ก็น่าสนใจดีนะ” พูดถึงแล้วพาลให้นึกถึงแมวน้อยขี้โมโหที่เจอเมื่อวันก่อน ป่านนี่จะไปกัดใครเค้าอีกไหมละนั่น




          “หยางหยาง! เกอจะ...อ้าว ขอโทษครับ” ป๋อหรันเดินออกมาหาน้องชายที่หน้าร้าน ไม่ทันสังเกตว่ามีลูกค้าเพราะปกติเช้าๆแบบนี้ยังไม่น่าจะมีลูกค้าเข้าร้าน

“เกอมีอะไรหรือเปล่าครับ” หยางหยางถามทั้งๆที่กำลังง่วนอยู่กับการชงชา

“อ่อ เกอว่าจะออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์สักหน่อย ที่บ้านขาดอะไรไหม?”

“อืม เกอช่วยซื้อชามาเพิ่มให้หน่อยสิครับ เดี๋ยวผมจดให้ รอแปปนะครับ”

ป๋อหรันออกไปซุปเปอร์ใกล้ๆบ้าน หลังจากรับกระดาษจดรายชื่อชายาวเยียดจากน้องชาย



        


       รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้าเทียบจอดบริเวณที่ร้านจัดเป็นโซนสำหรับจอดรถก่อนเจ้าของรถจะเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูร้าน

“เชิญคุณลูกค้าเข้าไปนั่งในร้านได้นะครับ” ป๋อหรันที่กลับจากซื้อของเอ่ยชวน เพราะเห็นลูกค้ายืนมองหน้าร้านอยู่สักพักแล้ว

“ขอบคุณมากครับ” คุณลูกค้าหันไปมองด้านหลังก่อนจะพบกับผู้ชายที่หอบของไว้เต็มทั้งสองมือ เมื่อเห็นชัดว่าคนที่เอ่ยชวนเป็นใครก็ทำให้เจ้าตัวเผลอหัวเราะในลำคอเบาๆ ส่วนเจ้าของร้านเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายหนำซ้ำยังถูกหัวเราะใส่ ได้แต่กัดฟันข่มความโมโหปนอาย เดินกระแทกไหล่คนที่ยังหัวเราะไม่หยุดเข้าไปในร้านทันที

“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณ” ป๋อหลินเอ่ยรั้งไว้แต่อีกฝ่ายเดินตึงตังเข้าร้านไปเสียแล้ว ยิ่งเห็นใบหน้าแดงๆซึ่งไม่แน่ว่าอายหรือโกรธยิ่งทำให้นึกขันขึ้นมา ดุจริงๆนะแม่คุณ




“ยินดีต้อนรับครับ?” วันนี้วันเสาร์เสี่ยวหยวนไม่ได้ไปโรงเรียนจึงออกมาช่วยต้อนรับลูกค้า

“มากี่ท่านครับ”

“คนเดียวครับ” ปากพูดแต่ตากลับมองไปที่เค้าเตอร์ เสี่ยวหยวนจึงเดินนำลูกค้าไปยังที่นั่งติดกระจกฝั่งติดถนน

“คุณลูกค้าจะดื่มอะไรก่อนไหมครับ?” เสี่ยวหยวนยื่นเมนูให้ลูกค้า

“ขอกาแฟสักแก้วก่อนแล้วกันครับ”

“งั้นรอสักครู่นะครับ ส่วนแมวที่นี่ อุ้มได้นะครับ พวกสาวๆใจดี” เมื่อรับออเดอร์เสร็จกำลังจะเดินกลับไปยังเค้าเตอร์

“ขอโทษนะครับ พนักงานคนนั้นชื่ออะไรเหรอครับ?” เสี่ยวหยวนหันไปมองที่เค้าท์เตอร์ก่อนจะตอบ

“อ่อออ ชื่อป๋อหรันครับ จริงๆแล้วพวกเราสามคนพี่น้องเป็นเจ้าของร้านเองแหละครับ คุณลูกค้ามีอะไรจะคุยกับป๋อหรันเกอหรือเปล่าครับ?”

“เปล่าหรอก ขอบคุณมากนะครับ” หลังจากเสี่ยวหยวนเดินกลับไป สาวๆทั้งหลายที่เห็นลูกค้านั่งอยู่ในร้านต่างพากันเดินมาคลอเคลีย



“หยางเกอกาแฟแก้วหนึ่งฮะ”

“เสี่ยวหยวน คุยอะไรกับลูกค้าตั้งนานสองนาน” ป๋อหรันถามขึ้นเพราะหน้าตาท่าทางตาลุงหนวดนั้นไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย

“ก็ไม่มีอะไรนี่ฮะ เค้าแค่ถามเรื่องร้านก็แค่นั้นเอง”

“งั้นเดี๋ยวออเดดอร์นี้เกอดูแลเอง เสี่ยวหยวนไปทำอย่างอื่นเหอะ” ป๋อหรันละมือจากงานที่ทำ ก่อนจะนำกาแฟไปเสิร์ฟให้ลูกค้า



“กาแฟที่สั่งได้แล้วครับ” วางแก้วกาแฟเสร็จก็หันหลังกลับทันที

“เดี๋ยว!” ป๋อหลินเห็นอีกฝ่ายเตรียมตัวเดินหนีจึงจับมือรั้งไว้ ส่วนป๋อหรันเองก็พยายามสะบัดมือหนี

“คุณลูกค้ากรุณาปล่อยมือผมด้วยครับ”

“ถ้าผมปล่อยคุณจะยอมคุยกับผมไหม?” ป๋อหรันเห็นท่าว่ายังไงก็คงต้องคุยจึงพยักหน้ารับ

“เรื่องวันก่อนผมไม่ได้ตั้งจะหัวเราะเยาะคุณนะครับ” ป๋อหลินพูดอธิบายแต่ยังไยอมปล่อยมือ

“ช่างมันเหอะ ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วละ...แล้วก็กรุณาปล่อยมือผมสักที” ป๋อหรันวางท่านิ่งๆใส่อีกฝ่าย คุณลูกค้าจึงค่อยๆคลายมือที่จับคุณเจ้าของร้านออก

ป๋อหรันชะงักเท้าก่อนจะหันกลับมาแล้วพูดขึ้นว่า “อ่อ อีกอย่าง กรุณาอย่ามาทำรุ่มร่ามกับน้องชายของผมอีก” คนฟังได้แต่ทำหน้างง ว่าตัวเองไปทำเรื่องแบบนั้นตอนไหน



“เหอะ แก่ขนาดนี้แล้วยังคิดจะมาเต๊าะเด็กอีก ตาแก่หัวงูเอ๊ย!



“จิ่งเป่าเกอรู้จักลูกค้าคนนั้นด้วยเหรอครับ” หยางหยางถามเพราะดูท่าทางพี่ชายกับลูกค้าเหมือนสนิทสนมกัน

“ใครจะไปรู้จักคนแบบนั้นกัน ทำงานต่อได้แล้ว” ป๋อหรันหันไปมองลูกค้าทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายมองตัวเองอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าป๋อหรันหันมามองก็ส่งยิ้มหวานมาให้

“ยิ้มบ้ายิ้มบออะไร หึ๊ย! ขนลุก” หลังจากนั้นป๋อหรันได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานโดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่หันไปมองอีก





“เหว่ยถิง อาทิตย์หน้านายว่างไหม? มาช่วยกันจับแม่เสือหน่อยสิ”




------------------------------TBC------------------------

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

CAT CAFÉ THE SERIES (หลินหรัน part) Intro








CAT CAFÉ THE SERIES


(Chen Bolin x Jing Boran)






          กริ๊งงงงงงง~

“เหว่ย...เสี่ยวหยางว่าไง” 

ระหว่างที่ผมกำลังจะออกจากออฟฟิศโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ซึ่งคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน หยางหยาง น้องชายของผมเอง

จิ่งเป่าเกอ ก่อนกลับบ้านแวะซื้ออาหารกับทรายให้พวกสาวๆด้วยนะครับ 

ส่วนสาวๆที่หยางหยางพูดถึงก็คือเหล่าน้องแมวนั้นแหละ ตอนนี้ที่บ้านของเราเพิ่งเปิดคาเฟ่แมว ด้วยความที่ชอบแมวกันทั้งบ้าน ตอนนี้ก็ได้หยางหยางที่ยังเพิ่งเรียนจบและยังว่างงานอยู่มาช่วยดู ส่วนเสี่ยวหยวนหรือหวังหยวน น้องชายคนเล็กยังเรียนอยู่จึงว่างมาช่วยดูแลร้านแค่ช่วงหลังเลิกเรียนหรือเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น


“อืม..ได้สิ มีของอะไรใกล้หมดอีกหรือเปล่า เกอจะได้ซื้อเข้าไปเลย”
ไม่มีแล้วละครับ





          ร้าน Pet Shop


“อืมมม ซื้อขนมไปให้พวกสาวๆด้วยดีกว่า” 

ขนนแมววางอยู้ชั้นบนสุดทำให้ผมต้องผมต้องยืดแขนจนสุด แต่ในจังหวะที่กำลังจะหยิบขนมออกจากชั้นแค่กล่องเดียว กลายเป็นว่ากล่องทุกกล่องที่ว่าบนชั้นร่วงลงมาใส่ผมโครมใหญ่

“โอ๊ยยยย”

“หึหึ” แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะใกล้ๆ พอหันไปดูก็เป็นตาหนวดคนหนึ่งที่พอผมหันไปอีกฝ่ายก็รีบหันหน้าหลบแต่ยังแอบขำผมอยู่

“หัวเราะอะไร ไม่เคยเห็นคนโดนของหล่นใส่หัวหรือไง!?” 

แหนะ! ยังไม่หยุดหัวเราะอีก อายจนจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ฮือออออ ผมรีบก้มเก็บของแล้วไปจ่ายเงินทันที นาทีนี้ของครบหรือเปล่าผมไม่สนใจแล้วละ TT




'คนอะไรโมโหได้น่ารักชะมัด ดุอย่างกะลูกแมว ฮ่าๆๆๆๆ'





“อ้าว จิ่งเป่าเกอกลับมาแล้วเหรอครับ”  หยางหยางทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในร้าน

“เอ้า! เอาของของแกไป!” 

ผมยัดทุกอย่างใส่มือหยางหยางแล้วเดินตึงตังเดินไปทางหลังร้านซึ่งเป็นทางเชื่อมไปยังตัวบ้าน แล้วรีบเข้าห้องนอนลงกลอนทันที ทำไมชีวิตจิ่งเป่าคนหล่อต้องมาเจอเรื่องน่าอายแบบนี้ด้วยนะ อิตาหนวดนั้นขออย่างได้เจอกันอีกเลย ฮือออออ 



--------------TBC------------

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

“Coincidence” (Chen Bolin x Jing Boran)





“Coincidence”
(ว่าด้วยเรื่องความบังเอิญ)






#Chen Bolin#  


สนามบิน JFK ยามเย็นคับคั่งไปด้วยผู้คน ทั้งผู้คนที่กำลังจะออกเดินทาง หรือผู้คนที่เพิ่งเดินทางมาถึงเช่นเดียวกับตัวผม ...

ปกติคนส่วนมากเวลาอกหักมักจะจัดการกับอาการเหล่านี้ยังไงกัน? ส่วนผม..ผมแค่อยากออกไปจากสถานที่ที่เคยมีความทรงจำที่ผมไม่อยากจดจำมันอีกต่อไปแล้ว




หลังจากรอรับกระเป๋าเรียบร้อย ผมจัดการลากกระเป๋าไปตามทางเพื่อไปขึ้น รถไฟใต้ดิน โชคดีที่อย่างน้อยผมก็วางแผนล่วงหน้ามาบ้างจึงจัดการจองโรงแรมมาก่อนแล้ว ผมเลือกโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง 

ส่วนตอนนี้ผมแค่อยากจะไปถึงโรงแรมให้เร็วที่สุด นอกจากจะเหนื่อยกายจากการเดินทางที่ยาวนานแล้ว คือความเหนื่อยใจที่ผมไม่สามารถหยุดคิดถึงเรื่องที่ผมพยายามจะหนีมันจนมาไกลถึงขนาดนี้...แบบที่คนทั่วไปเรียกว่า “หนีรัก”



          เมื่อขึ้นมาบนขบวนรถไฟผมพยายามมองหาที่นั่งว่าง แต่ดูเหมือนผมจะมาช้าไป และในขณะที่รถไฟค่อยๆออกตัว ผมจึงหันไปมองรอบๆเพื่อสังเกตชีวิตผู้คนต่างบ้านต่างเมือง 


แต่แล้วสายตาของผมก็สะดุดกับร่างโปร่งที่ยืนติดประตูรถไฟทางฝั่งซ้าย ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะเป็นคนเอเชียแบบเดียวกับผม และดูท่าทางเขาเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองนี้เช่นกัน เพราะสังเกตจากจำนวนกระเป๋ากับท่าทางเหนื่อยๆจนต้องพิงศีรษะเข้ากับกระจกกั้นที่นั่ง ใบหน้าขาวใสดูน่ารักและปอยผมที่ยาวลงมาไล้ข้างแก้มแดงๆนั้น ทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปได้เลย และคงเพราะผมเผลอจ้องนานเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกตัวถึงได้หันมาสบตา ผมสะดุ้งเล็กน้อยและทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมอง ผมจึงทำได้เพียงส่งยิ้มแห้งๆไปให้อีกฝ่าย ผมคิดว่าคนตรงหน้าจะโกรธที่ถูกจ้องหน้า แต่เขาแค่มองหน้าผมสักพักแล้วส่งยิ้มกลับมา มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยก็ว่าได้ ใบหน้าน่ารักที่ประดับด้วยรอยยิ้มสวยๆทำเอาผมเกือบทรงตัวไม่อยู่ 


และในขณะที่ผมลังเลอยู่ในใจว่าควรจะเข้าไปทักทายอีกฝ่ายดีไหม รถไฟก็เข้าเทียบชานชลาที่สถานี Jamaica ร่างโปร่งรีบหยิบกระเป๋าแล้วหันหลังก้าวออกจากประตูไป ผมเดาเอาเองว่าเขาคงเปลี่ยนสายไปทาง upper east side เมื่อรถไปเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานีอีกครั้งทำให้ผมได้กลับมาอยู่กับความคิดของตัวเอง และหวนให้นึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่ว่าทำไมผมถึงต้องมาไกลถึงที่นี่




          ใช้เวลาเดินทางอีกสักพักใหญ่ผมก็มาถึงสถานีที่เป็นจุดหมายปลายทาง ผู้คนเร่งรีบออกจากขบวนรถ ตัวผมเองก็เช่นกัน ตอนนี้รู้สึกเมื่อยล้าจากการเดินทางหลายสิบชั่วโมง โชคดีที่ผมจองโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าใกล้ดิน ผมเลือกที่นี้เพราะอยู่ติดกับ Central Park และ Columbus Circle ใช้เวลาเดินไม่นานก็มายืนอยู่หน้าโรงแรม


ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ผมจึงรีบลากกระเป๋าเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมทันที พอเข้ามาในห้องพักที่จองไว้ได้ผมรีบสลัดทุกอย่างแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ห้องพักที่นี่ตกแต่งสไตล์โทเดิร์น ห้องสีขาวตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้ม ข้างๆเตียงเป็นหน้าต่างบานยาวมองเห็นวิวของ Central Park ได้อย่างชัดเจน





ผมเผลบหลับไปจนมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อแสงแดดของเช้าวันใหม่ส่องมากระทบ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้วจึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง มีอาการปวดหัวนิดหน่อยคงเพราะเจ็ทแล็ค หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ผมกำลังคิดว่าวันนี้จะไปที่ไหนดี ถึงจะเคยมาอเมริกาแล้วบ้างแต่นี่เป็นครั้งแรกที่แบ็คแพ็คมาเองคนเดียว เลยเอาเป็นว่าทานข้าวเช้าเสร็จคงเดินเตร่แถวโรงแรมดูไปก่อน




ช่วงนี้ที่นิวยอร์กกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศจึงยังไม่ร้อนมาก ผู้คนออกมาเดินเล่นกันอย่างคึกคัก ผมออกจากโรงแรมช่วงประมาณ10โมงเช้า เดินเล่นไปตามถนนบอร์ดเวย์เรื่อยๆ ก่อนตัดสินใจมองหาร้านคาเฟ่สักร้าน วนรอบ Columbus Circle สักพักก็เจอกับคาเฟ่ argo tea café มีโต๊ะให้นั่งบริเวณนอกร้านด้วย ผมจึงเดินเข้าไปสั่งกาแฟก่อนกลับออกมานั่งที่โต๊ะ จิบกาแฟไปพลางมองดูคนเดินผ่านไปมา แต่แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดกับร่างโปร่งฝั่งตรงข้ามของถนน ที่สะดุดตาเพราะผมจำเค้าได้แม่นยำแม้จะเพิ่งเคยเห็นแค่ครั้งเดียว ผู้ชายเอเชียผมยาวบวกกับรูปร่างผอมเพียว วันนี้เค้าใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแว่นกันแดด อ่า...อยู่ๆใจผมก็เต้นแรงอีกแล้วสิ


มองอยู่สักพักเค้าก็ข้ามถนนมาถึงฝั่งร้านที่ผมนั่งอยู่ ผมจึงรีบหลบสายตาไปมองทางอื่น รอให้เค้าเดินผ่านไป ... แต่ก่อนเค้าจะเดินผ่านก็มีเสียงทักผมขึ้นมาว่า




“Can I sit at your table?.....













#Jing Boran#  


            “นิวยอร์ก! เรามาถึงแล้ววววววว!!” 


หลังลงจากเครื่องบินผมก็ตะโกนลั่นออกมาจนคนที่กำลังเดินๆอยู่หันมองผมเป็นตาเดียว ..แต่ช่วยไม่ได้ ก็ผมดีใจนี่หน่า นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเที่ยวไกลขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ผมคุยกับพ่อแม่ไว้ว่าถ้าเรียนจบแล้วอยากจะลองแบ็คแพ็คไปเที่ยวอเมริกาสักครั้ง คุยอยู่นานกว่าพ่อแม่จะยอมใจอ่อน ก็แน่ละ ลูกชายคนเดียวแถมยังไปตั้งไกล แต่ในที่สุดผมก็มาถึงแล้ว...



หลังจากรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยผมก็ต้องไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ..อืมมมม ที่อเมริกาเค้าเรียกกันว่า “Subway” สินะ โอเค.. Let’s gooooo~




          ในขบวนรถไฟใต้ดินคนค่อนข้างเยอะไม่มีที่นั่งว่างเลยจนผมต้องยืน ผมเลือกยืนใกล้ประตู จัดการวางกระเป๋าสัมภาระไว้ข้างๆตัวแล้วพักกระจกด้วยความเหนื่อยล้า เดินทางตั้ง10กว่าชั่วโมง ผมไม่เคยเดินทางนานขนาดนี้เลยจริงๆ ระหว่างกำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมก็รู้สึกขนลุกแปลกๆ เหมือนว่ามีคนกำลังจ้องผมอยู่ ผมเลยค่อยๆไล่สายตาไปทีละนิด จนสบตาเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง มองครั้งแรกผมพูดได้เลยว่าเค้าหล่อมาก ผิวค่อนข้างคล้ำ ผมว่าหนวดของเค้าทำให้เค้าดูมาเสน่ห์แล้วก็ดูเท่มากๆเลยหละ แล้วดูจากท่าทางจะเป็นคนเอเชียแบ็คแพ็คมาเที่ยวเองเหมือนกันแหะ แต่นี่..เค้าจ้องผมอยู่นานแล้วนะ จะว่าไปมาต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ถ้าทำความรู้จักกันไว้จะดีไหมนะ ดูท่าทางเค้าก็ดูเป็นคนใจดีออก ในช่วงจังหวะที่ผมกำลังลังเลอยู่นั้เองรถไปก็มาเทียบท่าสถานีที่ผมต้องเปลี่ยนไปอีกสาย ผมจึงจำเป็นต้องรีบเก็บกระเป๋าออกจากขบวนไป....น่าเสียดายแหะ




          พอมาถึงโรงแรมผมก็รีบเข้าไปเช็คอินทันที ห้องของผมมองเห็นวิว Central Park ด้วย อ่าาาา...ดีจังเลยน้าาาา ห้องพักตกแต่งด้วยสไตล์ที่ค่อนข้างหรูหราเลยทีเดียว หลังจากจัดการข้าวของเสร็จ ผมก็ตัดสินใจนอนพักผ่อนเป็นอันดับแรก เพิ่งเคยเจ็ทแล็ค ฮืออออ ปวดหัวชะมัดเลย...




          ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการปวดหัวที่หลงเหลืออยู่นิดหน่อย หลังจากทานอาหารที่โรงแรมเสร็จก็ออกเดินทางทันที วันนี้ผมตั้งใจว่าจะเดินถ่ายรูปเล่นเรียบๆ Central Park ไปก่อน ระหว่างเดินผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆจะได้เอาไปให้พ่อกับแม่ดูด้วย



เดินมาประมาณ15นาทีผมก็เดินมาถึง Columbus Circle วันนี้อากาศดีจริงๆ แต่อาการปวดหัวนี่สิ ผมเลยคิดว่าจะหากาแฟดื่มสักแก้ว จำได้ว่าตอนเดินมาเห็นมีคาเฟ่อยู่อีกฝั่งของถนน ในขณะรอข้ามถนนที่โต๊ะหนึ่งหน้าร้านผมเห็นผู้ชายหน้าตาท่าทางคุ้นๆ อ่าาาา .. ผู้ชายคนที่เจอในซับเวย์นี่หน่า พอข้ามถนนได้ผมจึงเดินตรงเข้าไปหา แต่เค้ากลับทำเหมือนพยายามหลบผมอย่างงั้นแหละ




“Can I sit at your table? ดูท่าทางเค้าจะตกใจที่ผมทัก ก่อนจะหันไปมองรอบๆ และ ไม่รอคำตอบผมก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเค้าทันที ก่อนจะเปิดบทสนทนาถัดไป

Where are you from?” เค้ายังคงทำท่าทางเลิกลั่กอยู่ก่อนจะตอบออกมาเบาๆ “China” กลายเป็นว่าคำตอบของเค้าทำให้ผมประหลาดใจ

“อ้าว..เป็นคนจีนเหมือนกันเลย” อีกฝ่ายแค่งืมงำออกมาเล็กน้อยแล้วตั้งหน้าตั้งตาดื่มกาแฟต่อไป จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าหน้าตาผมไม่เป็นมิตรขนาดนั้นเลยหรือไงกัน ผมตัดสินใจเดินเข้าไปสั่งกาแฟก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อบอกลาอีก




ผมเดินออกมาได้ไม่นาน จู่ๆก็มีผู้ชายวิ่งมาดักข้างหน้าผมไว้ เค้าหยุดอยู่ตรงหน้าคร่อมตัวเอามือเท้าไว้ที่หัวเข่า หอบหายใจอยู่สักพัก ก่อนจะยืดตัวตรงแล้วถามผมว่า
“คุณชื่ออะไร?”
ผมค่อยๆคลี่ยิ้มแล้วตอบกลับไป “จิ่งป๋อหรันครับ”

เค้ายิ้มตอบกลับพร้อมยื่นมือมาข้างหน้า “ผมเฉินป๋อหลิน....ยินดีที่ได้รู้จักครับ” 




---------------------------End---------------------------